จากกรณีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตและพบเป็นศพที่ภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 63 แต่ก็ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ต้องหา
ล่าสุดวันที่ 10 ก.ค. ทางตำรวจได้ออกมาแถลงความคืบหน้าว่า
ในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวน สอบสวน ทุกส่วนได้ทำงานรว่มกัน ได้สอบปากคำไป 900 คน ทั้งในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง ภายใน 1-2 วันจะได้รับรายงานผลการตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอจากหลายสถาบัน โรงพยาบาล ซึ่งในการนำผลตรวจดีเอ็นเอ การตรวจร่างกายต่างๆ เป็นรายงานที่มีความสำคัญ จะนำไปประกอบสำนวน
หลายฝ่ายตั้งสังเกตว่าทำไมถึงใช้เวลานาน ทำไมก่อนหน้านี้ไปจับในคดีอื่นได้ ขอเรียนว่าในการสืบสวน ติดตามตัวคนร้าย เราดำเนินการเป็นขั้นตอน และยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้งไป ทั้งตัวน้องเดินไปเสียชีวิตเอง หรือมีใครพาไปทำให้เสียชีวิต การขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับใครต้องมีขั้นตอน อยากมั่นใจว่าออกหมายจับผู้ต้องหาไม่ผิดตัว ส่วนเรื่องพยานหลักฐาน และดีเอ็นเอน้องชมพู่ รายละเอียดเปิดเผยเท่าที่ได้ ขอให้เป็นเรื่องพนักงานสอบสวน หากผลดีเอ็นเอออกคงต้องดูอีกที
จากกรณีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตและพบเป็นศพที่ภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 63 แต่ก็ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ต้องหา
ก่อนหน้านี้ น้องสะดิ้ง พี่สาวน้องชมพู่ ที่เป็นคนอยู่กับน้องคนสุดท้าย เคยให้สัมภาษณ์กับทาง อมรินทร์ ทีวี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 63 ว่า ในช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายตัวไป ตนนอนหลับ ก่อนที่จะนอนหลับ ก็เห็นน้องชมพู่วิ่งเล่นอยู่กับสุนัข ไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย
ล่าสุดวันที่ 9 ก.ค. 63 ทาง อมรินทร์ ทีวี ได้สัมภาษณ์ น้องบลู (นามสมมติ) เด็กในหมู่บ้าน ที่เล่าว่า สะดิ้งไม่ได้หลับ ตนเห็นสะดิ้งนอนคว่ำหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ที่แคร่หน้าบ้าน จากนั้นวันที่ 12 สะดิ้งมาเล่าให้ฟังว่า แม่บอกให้สะดิ้งโกหกนักข่าวว่านอนหลับ แต่จริงๆ เล่นโทรศัพท์อยู่ แล้วก็ขอให้น้องบลูกลับคำสัมภาษณ์ ให้โกหกว่าสะดิ้งนอนหลับ ตนเก็บเรื่องนี้ไว้นานมาก แต่วันนี้ได้ตัดสินใจบอกแม่ ทางครอบครัวก็อนุญาตให้พูดเรื่องนี้ เพราะอยากให้ความจริงปรากฏ
ด้าน แม่น้องบลู เล่าว่า ลูกมาบอกว่าวันนั้นมีคนสั่งไม่ให้สะดิ้งพูดความจริงทั้งหมด ตอนนั้นสะดิ้งเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าบ้าน ตอนแรกตนก็ไม่ได้สนใจ มองว่าเป็นเรื่องของเขา แต่ตอนนี้ก็คิดว่าทำไมแม่ถึงบอกลูกแบบนั้น มีอะไรหรือเปล่า ทุกคนมีสิทธิ์สงสัย เหมือนที่เขาสงสัยคนทั้งบ้านกกกอก
จากกรณี น้องบลู (นามสมมติ) เด็กในหมู่บ้าน ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีว่า แท้จริงแล้ว น้องสะดิ้ง พี่สาวน้องชมพู่ ไม่ได้นอนหลับอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ แต่นอนคว่ำหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าบ้าน ล่าสุด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงประเด็นการสัมภาษณ์น้องบลูว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อรูปคดีแน่นอน ส่วนกรณีที่เด็กบอกเล่ากับสื่อนั้นเป็นสิทธิ์ที่เด็กสามารถทำได้ เพียงแต่เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมของสื่อในการสัมภาษณ์แบบนั้น
ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานยังไม่สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยังมีน้อย แต่คดีดำเนินไปกว่า 80% แล้ว และทำอย่างรอบคอบ เพราะไม่ใช่แค่ออกหมายจับได้ แต่ต้องนำไปใช้สู้ในชั้นศาลได้
จับพ่อเลี้ยงหื่น ข่มขืนลูกเลี้ยงวัย 14 ปี จนตั้งท้อง
วันที่ 9 ก.ค. 2563 พ.ต.อ.อรุณศักดิ์ บัวประเสริฐยิ่ง ผกก.สภ.แม่แตง เข้าจับกุม นายจะวะ อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ผู้ก่อเหตุข่มขืนลูกเลี้ยงอายุ 14 ปี จนตั้งครรภ์ 8 เดือน ก่อนหน้านี้ หญิงวัย 45 ปี พาลูกสาวอายุ 14 ปี เข้าแจ้งความว่า ถูก นายจะวะ พ่อเลี้ยง ข่มขืนนานถึง 2 ปี และถูกขู่ว่าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย จนกระทั่งเด็กสาวตั้งครรภ์ 8 เดือนจึงยอมบอกความจริงกับมารดา
จากนั้น ตำรวจ สภ.แม่แตง ก็สืบทราบว่า ผู้ต้องหาเข้ามารักษาตัวที่ ร.พ.เชียงดาว จึงประสานงานกับ รพ. เพื่อขอเชิญตัวมาสอบปากคำหลังนายจะวะกำลังเดินทางออกจาก รพ. จากการสอบถาม ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนข่มขืนลูกเลี้ยงวัย 14 ปี จริง ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กอยู่ในความปกครองดูแลของตน แม้ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
วันนี้ พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผู้กำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.ดส.บช.น.) พร้อม กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี จับกุม นายมามาดี เคตา (Mr.Mamady Keita) อายุ 58 ปี ชาวกินี บริเวณหน้าร้านอาหาร ฟาสต์ฟู๊ด สถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ช่องนนทรี แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
นายมามาดี เป็นผู้ต้องหาข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย เด็กหญิงวัย 17 ที่โรงแรมม่านรูดย่านพญาไท ซ้ำยังขโมยเงินเด็กไปจ่ายค่าโรงแรม พฤติการณ์คือก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาเข้ามาทำทีสอบถามเส้นทาง ก่อนขอแลกเบอร์ และไลน์ จากนั้นก็เสนอว่าจะดูแลและหางานให้ทำ มีรายได้ดี และจะมอบโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน
เมื่อนัดพบกัน นายมามาดี กลับฉุดเด็กสาววัย 17 ไปข่มขืน และขโมยเงินไปจ่ายค่าโรงแรมม่านรูด
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อกล่าวหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อหากำไรหรือเพื่ออนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจ, ข่มขืนกระทำชำเรา, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, พาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่ออนาจาร, กระทำอนาจาร” พร้อมคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร